พอได้ยินข่าวจากคนงานที่สวนว่าฝายลูกใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จปีนี้โดนพายุถล่มจนพังไปแล้ว จึงตกลงกันว่าอาทิตย์นี้จะขึ้นไปดูสักหน่อย ว่าเสียหายมากแค่ไหน ป๋าก็เลยนัดกับเพื่อนๆ ไปด้วยกัน เลยต้องเอารถตู้ไป
เช้าวันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม 2553 เพื่อนๆป๋าก็มาหาที่บ้านกัน รวม 4 คน จึงไปกันทั้งหมด 7 คน (ป๋า , แม่ , บอย) ขับรถไปกว่าจะถึงภูเรือก็ประมาณ 5 โมงเย็นแล้ว ก็เลยไม่ได้ลงไปดูฝายเลย
วันที่ 2 ตุลาคม 2553 พอเช้าแล้วก็เลยลงไปดูฝายสักหน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง เป็นไปตามภาพด้านล่างเลยครับ
อันนี้ฝายลูกเดิม น้ำเต็มแล้ว ยังปกติดี ไม่พัง
ด้านท้ายของฝายลูกเดิม ยังมีน้ำไหลออกมาอยู่เลย
อันนี้เป็นฝายลูกใหม่ มีน้ำด้วย แสดงว่าไม่ได้พังทั้งหมด
เดินมาดูที่สันฝาย ปรากฏว่าทรุงลงไปแค่ช่วงท่อ
คาดว่าน้ำคงรอดใต้ท่อ เลยทรุดตัวลง
น้ำในฝายลูกใหม่ก็มีเยอะเกือบเต็มเหมือนกัน
คงเป็นเพราะดินยังไม่แน่นทำให้ท่อทรุดและขาดลง
พอดูฝายแล้วก็เลยเดินดูรอบๆสวนสักหน่อย ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ไม่ได้ไปนานอยู่เหมือนกัน
เดินไปเรื่อยๆ พอดูข้าวเสร็จ หันมาดูแปลงข้างๆ ดอกอะไรก็ไม่รู้ ขาวๆ แดงๆ อยู่ในต้นเดียวกัน เดินกลับมาถามคนงานถึงได้รู้ว่านี่คือต้นฝ้าย แล้วถ้าถึงเดือน 12 ปุยฝ้ายจะออกเต็มที่ คนงานบอกว่าสวยมาก ต้องมาดูให้ได้
ไปภูเรือเที่ยวนี้ก็สรุปว่าไม่มีอะไร ต้องรอหมดฝน แล้วก็รอให้ดินแน่น คงเป็นต้นปีหน้าถึงได้ซ่อมฝายใหม่อีกครับ
พอวันอาทิตย์ที่ 3 ก็เก็บของเดินทางกลับ กทม. กัน แต่ก่อนกลับก็ได้เดินทางไปที่วัดป่าศรีมงคล ไปดูพระที่ป๋าสร้างไว้ ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชถวายพระนามว่า “พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลี บรมมหาจักรพรรดิ พยนตราชขัตติยา อินทรารัตนมุนี ศรีมงคล” มีชื่อของป๋าอยู่ในชื่อของพระพุทธรูปด้วย จากนั้นก็กลับ กทม. เลย