เริ่มจากที่ต้องไปทำบุญข้าวสารที่จังหวัดน่าน และจังหวัดแพร่ ในวันที่ 6 และ 7 มกราคม 2558 ก็เลยออกเดินทางมาจังหวัดน่านตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2558 ซะเลย
กว่าจะออกจากบ้านก็ 10 โมงเช้าแล้ว ก็เลยมาถึงน่านเกือบค่ำเหมือนทุกที แต่ก็หายเหนื่อยเพราะอากาศที่เย็นสบาย ไปทานข้าวที่ร้านเรือนแก้ว แล้วก็กลับมานอนพักผ่อน
พอเช้าของวันที่ 5 มกราคม 2558 ก็ออกเดินทางไปจ่ายเงินค่าข้าวสารทั้งหมด 100 กระสอบ เป็นจำนวนเงิน 108,000 บาท แล้วก็เริ่มทริปท่องเที่ยวน่านแบบออกไปต่างอำเภอเป็นครั้งแรก หลังจากมาที่น่านหลายรอบแล้ว
ที่แรกที่ได้ไปคือบ่อเกลือ ตั้งอยู่ใน อ. บ่อเกลือ ผลิตเกลือสินเธาว์ ในอดีตถึงกับมาการตีเมืองน่านเพื่อแย่งชิงบ่อเกลือแห่งนี้กันเลยทีเดียว
การทำเกลือของที่นี่ยังใช้วิธีดั้งเดิมแบบโบราณ โดยการตังน้ำขึ้นมาต้มไปเรื่อยๆ จนเกลือตกผลึก
ได้เกลือกลับบ้านมา 2 ถุง ถุงละ 25 บาท
พอออกมาจากบ่อเกลือแล้วก็แวะทานข้าวกันสักพัก แล้วก็เดินทางมาต่อกันที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา เพื่อที่จะมาชมความงามของธรรมาชาติที่นี่
จุดชมวิวบนอุทยานแห่งชาติดอยภูคาที่แวะถ่ายรูปกันมีความสูง 1,715 เมตรจากระดับน้ำทะเล อากาศเย็น มีลมอ่อนๆ สดชื่นมาก
น้องเบลล์พอเจออากาศเย็นๆก็จะสดชื่น ร่าเริง
ขับรถมาจากจุดชมวิวอุทยานแห่งชาติดอยภูคาไม่ไกลนัก ก็พอกับตำหนักเจ้าหลวงภูคา และต้นชมพูภูคา แต่น่าเสียดายว่าช่วงที่ไปนั้นยังไม่มีดอก
ออกจากตำหนักเจ้าหลวงภูคามาอีกหน่อยก็เจอลานดูดาว เป็นลานสำหรับกางเต้นท์ มีห้องน้ำและร้านค้าไว้บริการ สักวันหนึ่งจะมากางเต้นท์ที่นี่ดูบ้าง น่าจะเห็นดาวสวยมากๆ
จากนั้นก็ขับรถกลับ ผ่านทางอำเภอปัวแต่ไม่ได้แวะลงไปแล้วเพราะใกล้จะค่ำอีกแล้ว ก็กลับไปทานข้าวที่ร้านครัวกระแต แล้วก็แยกย้ายกันกลับที่พัก
พอเช้าวันที่ 6 มกราคม 2558 ก็รีบตื่นแต่เช้า เพราะทางวัดพระธาตุช้างค้ำนัดให้ไปตั้งแต่ 7.30 น. เพื่อไปทำพิธีสืบชะตาแบบล้านนา และทำบุญถวายข้าวสาร อ่านเรื่องทำบุญข้าวสารที่วัดพระธาตุช้างค้ำได้ที่นี่
พอทำบุญเสร็จก็ไปทานข้าวเที่ยวกันที่ร้านผินผิน ก่อนจะแยกทางจากพี่ๆ ที่อยู่ที่จังหวัดน่าน เพื่อไปจ่ายเงินค่าข้าวสารที่จะทำบุญที่จังหวัดแพร่อีก
ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ จากจังหวัดน่านไปจังหวัดแพร่ พอไปถึงก็แวะไปจ่ายเงินค่าข้าวสาร 50 กระสอบ และให้ทางร้านนำไปส่งที่วัดไว้ให้ด้วย แล้วก็เลยไปเที่ยวที่บ้านประทับใจ
ที่บ้านหลังนี้สร้างด้วยไม้สักต้นใหญ่ๆ จำนวนมาก
ได้พบกับพระวิมลกิจจาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระบาทมิ่งเมืองวรวิหาร จ.แพร่ โดยบังเอิญที่บ้านประทับใจ ท่านคือพระที่เราจะถวายข้าวสารให้ท่านในวันพรุ่งนี้
นาฬิกาโบราณทรงแปลกๆ
ถ้าจำไม่ผิดบ้านประทับใจจะมีเสาทั้งหมด 130 ต้น แต่ละต้นใหญ่ขนาด 2-3 คนโอบ และแกะสลักทีโคนเสาทุกต้น
ออกจากบ้านประทับใจก็แวะมาไหว้พระกันก่อนที่วัดพระบาทมิ่งเมืองวรวิหาร
จากนั้นก็ไปคุ้มเจ้าหลวง แต่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมา
อ่างล้างหน้าของท่านเจ้าหลวงสั่งมาจากเมืองนอก ในสมัยนั้นอ่าง 1 ใบ และมาด้วยต้นสักขนาด 2-3 คนโอบ 500 ต้น
มีจักรเย็บผ้ายี่ห้อซิงเกอร์ด้วย เป็นรุ่นใช้แรงคนหมุน
วันที่ 7 มกราคม 2558 ออกจากที่พักเพิ่อเดินทางมาที่พระธาตุอินทร์แขวนแต่เช้า เพื่อทำการถวายข้าวสารจำนวน 50 กระสอบ อ่านเรื่องทำบุญข้าวสารพระธาตุอินทร์แขวนได้ที่นี่
ออกมาจากพระธาตุอินทร์แขวนแล้ว เลยมาอีกนิดนึงเป็นบึงเพาะเลี้ยงสาหร่ายเตา น้ำใสมากๆ ดูๆไปแล้วสาหร่ายเตานี่มันเหมือนตะไคร่น้ำจัง
พอถึงตรงนี้ก็กลับเข้าเมืองมาทานข้าวเที่ยง แล้วก็แยกย้ายกับพวกพี่ๆ เจ้าหน้าที่เครือข่ายช่อง 3 เพื่อเดินทางไปดอยอ่างขางต่อ แต่ไปถึงอ.ฝางก็เย็นแล้ว กลัวว่าขึ้นไปมืดๆมันจะอันตราย เพราะทางโค้งที่นี่น่ากลัวมาก ก็เลยนอนกันในอ.ฝางดีกว่า ตอนเช้าค่อยขึ้นดอย
มาถึงอำเภอฝากก็ต้องไปทานสุกี้ยูนนานสักหน่อย เราไปกัน 3 คน ก็สั่งสุกี้หม้อเล็กมาทาน ราคาหม้อละ 1,500 บาท
มีสุกี้มาแบบนี้ 1 หม้อ กับผัก ฟองเต้าหู้ วุ้นเส้น และเส้นบุก อย่างละจาน ทางร้านบอกหมดแล้วขอเพิ่มได้ และมีน้ำซุปกับน้ำจิ้มเติมให้ตลอด
พยายามกินเท่าไหร่ก็ไม่หมดหม้อสักที สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้
วันที่ 8 มกราคม 2558 ออกจากที่พักแต่เช้าขึ้นดอยอ่างขาง ระหว่างทางขึ้นเจอกับหมอกหนามากบนดอย ระยะมองเห็นเหลือเพียงแค่ 4-5 เมตร ขับรถหวาดเสียวมาก เพราะทางบนนั้นโค้งอันตรายทั้งนั้น
ดอกพญาเสือโคร่งกำลังเริ่มบานพอดี สวยงามมาก
น้องเบลล์กลัวต้นกระบองเพชร เพราะมันมีหนาม อิอิ
ภายในสถานีเกษตรดอยอ่างขางจัดต้นไม้และดอกไม้ไว้อย่างสวยงาม เสร็จแล้วก็ทานข้าวที่นั่นเลย มีปลาเทราต์และปลาสเตอร์เจียนเป็นเมนูแนะนำ เพราะว่าเลี้ยงในเมืองไทย
พอทัวร์ดอยอ่างขางเสร็จก็ว่าจะขับรถกลับกรุงเทพเลย แต่ว่าไปไม่ไหว เพราะฝนตกตลอดทางเลย มาถึงลำปางประมาณ 5 โมงเย็นแล้ว ก็เลยพักที่ลำปางอีก 1 คืน ขับรถจะได้ไม่เหนื่อยมากนัก
วันที่ 9 มกราคม 2558 เดินทางออกมาจากลำปาง กลับมาถึงบ้านกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ รวมระยะทางการเดินทางครั้งนี้ 2,436.2 ก.ม.