เราจะรู้ได้อย่างไรว่าแบตเตอรี่ลูกหนึ่งๆ เก็บไฟได้เท่าไร
เราสามารถรู้ได้โดยดูจากขนาดของ แอมป์ แบตเตอรี่ลูกนั้นๆ แล้วนำมาคูณด้วย 12 โวลท์ ก็จะได้ผลลัพท์ออกมามีหน่วยเป็นวัตต์นั่นคือจำนวนพลังงานของไฟฟ้าที่แบตเตอรี่ลูกนั้นสามารถเก็บได้ ตัวอย่างเช่น แบตขนาด 100 แอมป์ คำนวณได้ 100 (a) x 12 (v) = 1,200 (w) นั่นคือแบตเตอรี่ลูกนั้นเก็บไฟได้ 1,200 วัตต์ ดังนั้นถ้าเราใช้กังหันลมขนาด 200w ชาร์จ ก็ต้องใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง
แบตเตอรี่ ควรใช้แบบไหนดี
แบตเตอรี่ที่จำหน่ายทั่วไปในท้องตลาด จะมีอยู่ 2 ประเภทหลัก คือแบบน้ำ(เติมน้ำกลั่น)และแบบแห้ง ส่วนแบตที่ใช้ในงานโซล่าเซลหรือกังหันลมโดยเฉพาะ เรียกว่าแบตแบบ deep cycle ซึ่งแบตทั้ง 3 ชนิด มีข้อดีข้อด้วยแตกต่างกันดังนี้
-
แบตเตอรี่ที่ต้องเติมน้ำกลั่น หรือแบตน้ำ เป็นที่นิยมใช้กันมากโดยเฉพาะกับรถยนต์และงานที่ต้องเก็บสำรองไฟทั่วไป เพราะเป็นแบตเตอรี่ที่มีราคาถูกที่สุด มีทั้งแบบที่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อยๆ และแบบที่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อยๆ อายุการใช้งานโดยเฉลี่ย(ใช้กับรถยนต์) อยู่ที่ 1.5-3 ปี แต่ในการนำมาใช้กับกังหันลมหรือโซล่าเซลถ้าเราดูแลดีก็จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า แต่มีข้อด้อยกว่าแบตเตอรี่แบบอื่นคือ ความสามารถในการปล่อยประจุจะต่ำกว่าแบบอื่น คือจะจ่ายไฟฟ้าเพียงประมาณ 20-30% ของปริมาณไฟที่เก็บไว้
-
แบตเตอรี่แบบแห้ง เป็นแบบที่ไม้ต้องเติมน้ำกลั่น การใช้งานสะดวกไม่ยุ่งยาก แต่ราคาแพงกว่าแบตเตอรี่ที่ต้องเติมน้ำกลั่นพอสมควร มีอายุการใช้งานโดยเฉลี่ย(ใช้กับรถยนต์) อยู่ที่ 5-10 ปี แต่ในการนำมาใช้กับกังหันลมหรือโซล่าเซลถ้าเราดูแลดีก็จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า มีความสามารถในการปล่อยประจุไฟดีกว่าแบบแรกแต่น้อยกว่าแบบ deep cycle
-
แบตเตอรี่แบบ deep cycle เป็นแบตเตอรี่ที่นิยมใช้เป็นหลักในงานกังหันลมไฟฟ้าหรือโซล่าเซล เพราะมีความสามารถในการปล่อยประจุไฟฟ้าดีที่สุด ดีกว่าแบตเตอรี่ประเภทอื่นๆ สามารถเก็บและจ่ายไฟรวมถึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าแบตเตอรี่แบบอื่นๆ แต่มีข้อจำกัดที่ราคาสูงมากกว่าแบตเตอรี่ชนิดอื่นๆ เช่นถ้าเทียบกับแบตเตอรี่แบบเติมน้ำกลั่น แบตเตอรี่แบบ deep cycle มีราคาสูงกว่า 2 เท่าตัว
ใช้แบตแบบไหนราคาถูกที่สุดหรือดีที่สุด
อย่างที่ตอบไปตอนต้น แบตทั้ง 3 แบบ ถ้ามีแอมป์เท่ากันจะเก็บไฟได้เท่ากันแต่จ่ายไฟได้ไม่เท่ากัน โดยขอยกตัวอย่างดังนี้
-
แบตเตอรี่ รถยนต์ ขนาด 120 แอมป์ ราคาประมาณ 3,300 บาท เก็บไฟได้ประมาณ 1,440 วัตต์ แต่มีความสามารถจ่ายไฟ(นำไฟฟ้าไปใช้ได้จริง)ได้ประมาณ 300 วัตต์ ถ้าต้องการดึงไฟมาใช้ 1,200 วัตต์ ต้องใช้แบตเตอรี่ 4 ลูก ต้องลงทุนประมาณ 13,200 บาท
-
แบตเตอรี่ แบบ Deep Cycle ขนาด 125 แอมป์ ราคาประมาณ 6,600 บาท เก็บไฟได้ประมาณ 1,500 วัตต์ แต่มีความสามารถจ่ายไฟ(นำไฟฟ้าไปใช้ได้จริง)ได้ประมาณ 1,200 วัตต์ ถ้าต้องการดึงไฟมาใช้ 1,200 วัตต์ ก็ใช้แบตเตอรี่ เพียง 1 ลูก ลงทุนประมาณ 6,600 บาท
-
จากคำตอบในข้อ 1 และ 2 ก็คงเห็นได้ว่าแบตเตอรี่แบบไหนคุ้มค่าและดีกว่า
ข้อสังเกตุ เรื่องชั่วโมงการใช้ไฟเพราะเราไม่ค่อยคำนึงถึงคือ การแปลงไฟจากไฟ DC เป็น AC หรือไฟแบตเป็นไฟบ้านผ่าน Inverter จะมีการสูญเสียไฟไปด้วยส่วนหนึ่ง ปกติจะประมาณ 10-40% ดังนั้นถ้าเราสามารถเลี่ยงไปหาอุปกรณ์ไฟฟ้าประเภท DC ได้ก็ควรทำ เพราะประหยัดทั้งเงินและไฟมากกว่า
ที่มา : http://www.greenpower.9nha.com/askanswer3.html